ให้ผลงานเป็นการพิสูจน์ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่

ให้ผลงานเป็นการพิสูจน์ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่


หลังจากมีข่าวลืออย่างหนาหูว่าอดีตกองหน้าตัวเก่งของทีมเรือใบสีฟ้าอาจจะมีการแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควร หลังจากมีอาการเจ็บหน้าอกและหน้ามืดกระทันหันและต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที 


ระหว่างที่เจ้าตัวเพิ่งจะย้ายไปสวมเสื้อเลือดหมู - น้ำเงิน ของเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ได้เพียงฤดูกาลเดียว

ในเกมวันนั้นบาร์เซโลน่า มีเกมที่จะต้องไปเยือน เดเปอร์ติโบ อลาเบส เกมกำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ ก่อนถึงช่วงหมดเวลาในครึ่งแรก อยู่ดี ๆ ดาวยิงชาวอาเจนไตน์ก็มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นมา


เขาเอามือจับที่หน้าอกเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหายใจไม่ออก ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนกับพื้นและแพทย์สนามก็หามตัวส่งโรงพยาบาล ท่ามกลางความตกใจของทั้งคนดูและผู้เล่นทั้งสองฝ่าย


แม้ว่าจะมีข่าวดีตามมาว่ายอดดาวยิงรายนี้ไม่ได้รับอันตรายหนักมากแต่ก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลของวงการลูกหนังถึงปัญหาของเรื่องหัวใจ ที่มักจะเกิดขึ้นกับนักเตะในช่วงเวลานี้อยู่บ่อย ๆ แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าสามารถเล่นลงเล่นกีฬาที่เขารักต่อได้


แต่อีกด้านก็ยังมีข่าวลือหนัก ๆ ว่ายอดดาวยิงรายนี้อาจจะต้องแขวนสตั๊ดก่อนวันอันควรในช่วงที่ตัวเองอายุได้เพียง 33 ปี


หากจะมองในมุมมองของนักเตะซึ่งก็น่าเสียดาย แต่สำหรับชายที่ชื่อว่า เซร์คิโอ อเกวโร่แล้วนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแทบไม่ต้องพิสูจน์อะไรเกี่ยวกับทักษะและความสามารถในด้านลูกหนังอีกแล้วด้วยซ้ำ


ซึ่งถ้าจะต้องแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียงเท่านี้และรักษาชีวิตตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่แฟน ๆ ก็คงจะเห็นด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว


เรื่องราวในวัยเด็กของเจ้าหนู เซร์คิโอ อเกวโร่ ค่อนข้างน่ารันทด เขาเกิดและเติบโตขึ้นมาแถบ ๆ ชานเมือง บัวโนสไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า เมืองที่คนเกือบทั้งหมดมักจะมีชื่อที่เกี่ยวพันกับยาเสพย์ติดและอิทธิพลมืด


แต่ความทะเยอทะยานและความมุมานะทางด้านลูกหนัง ก็กลายเป็นจุดผลักดันให้ชีวิตของเด็กบ้านจนที่มีอนาคตสุ่มเสี่ยง หลบพ้นจากเส้นทางที่ดำมืด และมาเอาดีทางด้านฟุตบอลได้


ในวัยเพียงแค่ 15 ปี เซร์คิโอ กุน อเกวโร่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพให้กับทีมในประเทศบ้านเกิดอย่าง อินดิพิเด็นเต้ ซึ่งนั่นก็เป็นการทำลายสถิติของการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประเทศอาร์เจนติน่าของตำนานที่โลกไม่เคยลืมอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า ได้


 ด้วยผลงานที่โดดเด่นมาตลอดในระยะเวลา 3 ปีกับทีมเล็ก ๆ ในบ้านเกิดด้วยตำแหน่งกองหน้านักล่าประตู เมื่อแสงดาวจากที่มืดเริ่มส่องแสง ทีมดัง ๆ ในทวีปยุโรปก็ต่างแห่กันมาดึงตัวกองหน้าอาเจนไตน์รายนี้ และสุดท้ายก็เป็นทีมตราหมี


ทีมดังในเมืองหลวงของสเปนอย่าง แอตเลติโก มาดริด ดึงตัวกองหน้าไปสร้างสรรค์ผลงานในสนามหญ้าของ บิเซนเด้ กันเดร่อน


ช่วงเวลาการปรับตัวของ กุน กับทีมตราหมีในช่วงแรก ๆ นั้นยังไม่ค่อยดูดีเท่าไหร่นัก เมื่อต้องมาประกบคู่กับดาวยิงเจ้าถิ่นอย่าง เฟอร์นันโด ตอร์เรส แต่ถึงอย่างนั้นฟอร์มการเล่นของเขาก็ยังเป็นที่จดจำ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องแบกรับทีมเมื่อ เฟอร์นันโด ตอร์เรส


ย้ายออกไปสร้างชื่อกับ ลิเวอร์พูล เวลานั้นจึงเป็นเวลาที่เหมาะสม 5 ปีกับ แอตเลติโก มาดริด เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ สามารถควว้าแชมป์มาได้มากมาย และพาตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าระดับโลกในที่สุด


และสิ่งที่เป็นเครื่องการันตีได้ว่ากองหน้ารายนี้ได้ก้าวขึ้นมาในระดับโลกแล้ว ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เขาย้ายมาร่วมทีม ที่ตอนนั้นยังเป็นทีมเศรษฐีเงินถังหน้าใหม่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้


ในช่วงแรกเขาเข้ามาสวมเสื้อหมายเลข 16 ด้วยข่าวคราวที่ไม่ดี การย้ายมาร่วมทีมที่ไม่เคยมีประวัติศาสตร์การคว้าแชมป์ใด ๆ อย่างยาวนานนั้น ทำให้ตัวเขาถูกมองว่าเป็นพวกนหน้าเงินและอนาคตก็คงจะดับวูบลงที่ทีมในเกาะอังกฤษแห่งนี้


แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง เมื่อผู้ชายคนนี้กลับไม่ได้มองแบบนั้น กุน ย้ายข้ามประเทศมาด้วยความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบเต็มเปี่ยมผิดกับที่หลาย ๆ คนต่างมองว่า นักเตะจากอเมริกาใต้จะเป็นได้


แม้ในช่วงเวลานั้นเขาจะมีอายุแค่เพียง 23 ปี แต่ทัศนคติต่าง ๆ เกี่ยวกับทีมหรือสิ่งที่ตัวเขาเองแสดงออกมาเมื่อเวลาที่อยู่ในสนามถือว่ามีเกินวัยของตัวเองเป็นอย่างมาก


และตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เขาได้ใช้ทักษะและจิตวิญญาณการล่าตาข่าย สร้างทีมจากที่ไม่มีอะไรเป็นแค่ทีมที่ร่ำรวยขึ้นมาจากประธานสโมสรคนใหม่ ให้ขึ้นมาเป็นทีมที่สามารถคว้าถ้วยแชมป์ทุกรายการมาประดับตู้โชว์ได้ถึง 15 ถ้วย


รวมแชมป์ลีคสูงสุดของประเทศอย่างพรีเมียร์ลีคอีก 5 สมัย บวกกับผลงานการลงเล่น 390 นัดและยิงไปถึง 260 ประตู ซึ่งในตัวเลขนี้ก็รวมไปถึงประตูที่ดับฝันทีมดังร่วมเมืองและสร้างประวัติศาสตร์บทแรกให้กับทีมเรือใบสีฟ้าได้นั้น นั่นก็แทบจะเป็นคำตอบของความทุ่มเททั้งหมดแล้ว


แม้ปัจจุบันจะหมดสัญญาและเดินหน้าตามความฝันต่อไปในสีเสื้อเลือดหมู - น้ำเงิน ในช่วงเวลาที่อยู่ในถิ่น คัมป์นู อาจจะไม่สดใสนัก ด้วยอาการบาดเจ็บที่ตามรังควาน และถึงแม้ว่าที่นี่เขาจะไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานเป็นที่เจิดจรัสเหมือนกับเมื่อครั้งที่ยังสวมเสื้อสีฟ้าได้ แต่ก็ถือว่าตลอดระยะการเดินทางจากจุดเริ่มต้นสู่จุดที่ตัวเขาเป็นอยู่ในตอนนี้


เชื่อได้เลยว่าชายที่ชื่อ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ แทบจะไม่ต้องพิสูจน์อะไร หากตัวเขาจะต้องแขวนสตั๊ดไปในเวลาก่อนวัยอันควร.


ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“เหล่าเด็กหนุ่มผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์” คลาสออฟ 92

จากสนามฟุตบอลลอยน้ำอันโด่งดัง สู่ความเงียบเหงาเพราะขาดผู้มาเยือน